อวัยวะตั้งแต่ผิวหนังของทรวงอกไปจนผิวหนังของหลังจะทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกได้ทั้งนั้น นอกจากนั้นอวัยวะในทรวงอก เช่น หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด เยื่อหุ้มปอด หลอดอาหาร หลอดเลือดแดงใหญ่ กระดูกหน้าอก กระดูกซี่โครง เต้านม กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก เมื่อมีโรคหรือการอักเสบก็ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก ได้ทั้งสิ้น แต่ลักษณะอาการเจ็บหน้าอกจะแตกต่างกัน
อาการต่อไปนี้เข้าได้กับอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด

- เจ็บแน่นๆ อึดอัด บริเวณกลางหน้าอก อาจจะเป็นด้านซ้าย หรือ ทั้งสองด้านส่วนใหญ่จะเจ็บด้านซ้าย บางรายจะร้าวไป ที่แขนซ้าย หรือ ทั้งสองข้าง หรือ จุกแน่นที่คอ บางรายเจ็บบริเวณกรามคล้ายเจ็บฟัน
- อาการเจ็บหน้าอกจะเกิดในขณะออกกกำลัง เช่นวิ่ง เดินเร็วๆ รีบ หรือ ขึ้นบันได วิ่ง โกรธโมโห อาการดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อหยุดออกกำลัง อาการเจ็บมักจะไม่เกิด 10 นาที
- สำหรับผู่ที่มีอาการรุนแรง อาการแน่นหน้าอกอาจเกิดขึ้นในขณะพัก เช่น นั่ง หรือ นอน หรือ หลังอาหาร พักไม่หาย อมยาก็ไม่หายปวด
- กรณีที่เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาการจะรุนแรงมาก อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น เหงื่อออกมาก เย็นปลายมือปลายเท้า หน้ามืดเป็นลม หายใจลำบาก
อาการเจ็บหน้าอกต่อไปนี้ไม่เหมือนอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด
- เจ็บเหมือนถูกของแหลมแทง เจ็บแปล๊บๆ เจ็บจุดเดียว กดเจ็บบริเวณหน้าอก
- อาการเจ็บเกิดขึ้นในขณะพัก มีอาการนานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน
- อาการมากขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่า หรือ ขยับตัว หรือ หายใจเข้าลึกๆ
- อาการเจ็บร้าวขึ้นศีรษะ ปลายมือ ปลายเท้า
หอบ เหนื่อยง่ายผิดปกติ

อาการหอบ เหนื่อยง่าย เวลาออกแรง เช่น เดิน วิ่ง ทำงาน มีสาเหตุมากมาย เช่นโรคปอดเช่นถุงลมโป่งพอง หอบหืด โลหิตจาง โรคอ้วน ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ภาวะหัวใจล้มเหลว อาการเหนื่อยง่ายจากโรคหัวใจ และ ภาวะหัวใจล้มเหลวนั้น จะเหนื่อย หอบ หายใจเร็ว โดยเป็นเวลาออกแรง แต่ผู้ที่มีอาการรุนแรง จะเหนื่อยในขณะพัก บางรายจะเหนื่อยมากจนนอนราบไม่ได้ ต้องนอนหนุนหมอนสูง หรือนั่งหลับ
อาการเหนื่อยแบบหมดแรง มือเท้าเย็นชา พูดก็เหนื่อยแต่เดินไปมาได้ เหล่านี้มักจะไม่ใช่อาการเหนื่อยจากโรคหัวใจ
ใจสั่น

การตรวจวินิจฉัยกลุ่มอาการใจสั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก เนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการชั่วขณะ เมื่อมาพบแพทย์อาการดังกล่าว ก็หายไปแล้ว แพทย์จึงไม่สามารถให้การวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่ เมื่อมาพบแพทย์แพทย์จะตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งอาจจะปกติในขณะที่ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจดังนั้นท่านควรศึกษาวิธีจับชีพจรตัวเอง เมื่อเกิดอาการ ว่าหัวใจเต้นกี่ครั้งในเวลา 1 นาที และสม่ำเสมอหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์ให้การวินิจฉัยได้รวดเร็วขึ้น
ขาบวม

เป็นลมวูบ หรือหมดสติ
โรควู๊บในความหมายของแพทย์แล้ว จะตรงกับภาษาอังกฤษว่า syncope หมายถึง การหมดสติ หรือ เกือบหมดสติ ชั่วขณะ โดยอาจรู้สึกหน้ามืด จะเป็นลม ตาลาย มองไม่เห็นภาพชัดเจน โดยอาการเป็นอยู่ชั่วขณะ อาการนี้ไม่รวมถึงอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน โคลงเครง วูบวาบตามตัว หายใจไม่ออก อาการวูบหรือหมดสติดังกล่าวอาจเกิดจาก ความผิดปกติของสมอง เช่น ลมชัก เลือดออกในสมอง ความผิดปกติของหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง หรือหยุดเต้นชั่วขณะ หรือ ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจ นอกจากนั้นแล้ว "วูบ" ยังอาจพบได้ในคนปกติที่ขาดน้ำทำให้ความดันโลหิตต่ำ เสียเลือด ท้องเสีย ไม่สบาย ขาดการออกกำลังกาย ยาลดความดันโลหิต
ที่มา : http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/heart_disease/symtom.html#.VTnYqtKqqko
ถ้ามีอาการแบบนี้ต้องระวัง สาระดี
ตอบลบ